Monday, December 25, 2017

The Last Jedi: เพราะคน สำคัญกว่าความ Epic


ก่อนอื่นต้องบอกว่าภาคนี้สนุกครับ แม้จะมีอะไรขัดใจหลายอย่าง ส่วนนี้รีวิวหลายๆ เจ้าเขียนไว้หมดแล้ว

แต่ความประทับใจแรกของผมหลังจากได้ดูภาคนี้ ไม่ใช่ประเด็นที่มีใครเขียนถึงนัก

สปอยแน่นอน ถ้ายังไม่ดูอย่าอ่านต่อครับ

ปัจจุบันนี้หนังฟอร์มใหญ่มากมายเหลือเกิน หรือจะเรียกว่าแทบทุกเรื่อง ล้วนเฮละโลไปในทำนองเดียวกัน คืออาศัย “ขนาด” เป็นตัวหนดความยิ่งใหญ่ของหนัง สุดยอดอาวุธที่ทำลายดาวทั้งดวง จอมวายร้ายที่เป็นภัยกับทั้งจักรวาล กองทัพ CG จำนวนเป็นร้อยๆ พันๆ

แต่ความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างตรงนี้เอง ทำให้หนังทุกเรื่องพยายามเน้นย้ำที่พลังทำลายล้างของอาวุธ/ตัวร้ายเหล่านั้น ตึกถล่ม เมืองทลาย คนหนีตายกันจ้าละหวั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนดูไม่ได้รู้สึกผูกพันธุ์อะไรด้วย

หนังเหล่านั้นกลายเป็นหนังที่ดูเป็นอาหารตาได้อย่างเดียว ผู้ชมไม่มีอารมณ์ร่วมแต่อย่างใด หนังจบก็จบแค่นั้นแล้วก็ลืมเลือนไป ชาวเมืองนับร้อย ทหารนับหมื่น ดาหน้ากันออกมาตายโดยที่เราไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะตัวหนังมัวแต่ให้ความสนใจกับอาวุธ/ตัวร้ายจนละเลยการสร้างความสัมพันธุ์ให้กับคนดูกับตัวละคนอื่นๆ ไปอย่างสิ้นเชิง

เมืองที่ถูกทำให้ลอยขึ้นฟ้า ใน Age of Ultron
ที่แม้มีชาวเมืองหนีตายกันเป็นพันๆ แต่คนดูไม่ได้มีอารมณ์ร่วมหรือเอาใจช่วยอะไร

The Last Jedi มีทุกอย่างรองรับให้สามารถดำเนินเรื่องไปในทำนองเดียวกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สโน๊ก ซึ่งดูแล้วอาจใช้ Force ได้เหนือกว่าพัลพาทีนเสียอีก ไหนจะเรื่องราวย้อนหลังซึ่งเป็นไปได้ว่าสโน๊กคือ Sith Lord ผู้หลับใหลมาแต่โบราณกาลและต้องการตัวลูคเหลือเกินเพื่อฟื้นพลังของตนให้กลับมาเต็มร้อย หรือจะให้จักรวรรดิสร้างอาวุธร้ายแรงแบบ Death Star ขึ้นมาอีกสักอัน...

แต่ The Last Jedi เลือกจับประเด็นที่ตัว “คน” และไม่บ้าเห่อเอาความอลังการบังหน้าเหมือนเรื่องอื่นๆ

ผกก ไม่เลือกที่จะเน้นย้ำความเก่งสุดโต่งของสโน๊ก ตรงกันข้ามกลับทำสิ่งที่ผมนึกไม่ถึง คือไม่เหลียวแลประเด็นนั้นแม้แต่น้อย ตัด ฉับ... แล้วเบนจุดสนใจไปที่ปมขัดแย้งในใจของไคโล เร็น และเรย์

ปมที่คนดูเข้าถึงได้ เอาใจช่วยได้ รู้สึกผูกพันธุ์ด้วยได้


ผมสังเกตจุดนี้มาตั้งแต่ 15 นาทีแรกของหนังแล้วในภารกิจบอมบ์ Dreadnought Star Destroyer ซึ่งตัวหนังให้เวลาเราได้เห็นความพยายามของกองบินทิ้งระเบิดตั้งแต่ต้นจนจบกว่า 5 นาที และได้เห็นนักบินหญิงในยานลำสุดท้ายตะเกียกตะกายอยู่กว่า 2 นาที (และราวกับจะเป็นคำตอบให้รีวิวที่แล้วของผม เมื่อความสามารถของโพยอดนักบินอัจฉริยะแทบไม่มีอิทธิพลอะไรต่อผลของภารกิจ และยานมากมายหลายแบบที่ทำหน้าที่ต่างๆ กัน)

ตลอดทั้งเรื่อง ตัวหนังพยายามสร้างมิติ สร้างความเป็น “มนุษย์” ให้กับตัวละครรองๆ แทบทุกตัว แม้จะเพียงสั้นๆ แต่มันมีอยู่... ผู้การโฮลโดที่ทีแรกเหมือนจะเป็นตัวไม่ดี หรือพ่อค้าอาวุธที่ฟินน์กับโรสเกลียดนักเกลียดหนาแต่สุดท้ายปรากฎว่าขายอาวุธให้กับฝ่ายต่อต้านเช่นกัน ฯลฯ


สุดท้ายนี้ผมขอแปะวิดีโอน่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้นะครับ กับ channel “Just Write” กับหัวข้อ “แม็คกัฟฟิน (MacGuffin) ทำลายภาพยนตร์ได้อย่างไร”  MacGuffin เป็นศัพท์ที่ Hitchcock บัญญัติขึ้นมา ผมได้ดูวิดีโอนี้หลังจากดู The Last Jedi จบไปไม่กี่วัน เป็นจังหวะประจวบเหมาะจริงๆ

https://youtu.be/cih9kj6ZPdg

...
...

ผมขัดใจเรื่องอะไร? ขัดใจที่สุดคือ ลูค สกายวอล์เกอร์นี่แหละ แต่พอดีกว่าเดี๋ยวยาว

No comments:

Post a Comment